อิสลามิกชนถือว่า "การแต่งงานของอิสลาม คือการผูกพันระหว่างชาย หญิง ในอันที่จะอยู่ใช้ชีวิตร่วมกัน ช่วยเหลือเอื้ออาทรกันในการดำเนินชีวิต" ทางนำแห่งอัลลอฮฺ ว่าด้วย : การสู่ขอ การหมั้น การแต่งงาน การหย่าร้าง
ครูอิสมาอิล อะหมัด ด้วยเหตุนี้ชาวมุสลิมจึงถือว่าการแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายกับ หญิง ที่ทำให้มนุษย์มีความสูงส่งเหนือสัตว์โลกอื่นๆ และเชื่อว่าความผูกพันระหว่างชายหญิงเป็นความผูกพันกันด้วยชีวิต เพราะต่างก็เปรียบเหมือนวงกลมที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และแยกจากกันแต่อัลลอฮฺ สุบหฯ บันดาลให้มาบรรจบกันจนกลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์
สำหรับประเพณีการแต่งงานศาสนาอิสลาม ก็ไม่ต่างอะไรจากพิธีแต่งงานของศาสนาอื่น เพราะจะต้องเริ่มจาก
การสู่ขอเสียก่อน โดยมีเงื่อนไขการสู่ขอว่า ต้องสู่ขอสตรีที่สามารถแต่งงาน ได้ด้วยเท่านั้น หมายถึงหญิงที่ไม่ได้อยู่ระหว่างอิดดะฮฺ (อยู่ในช่วงสามเดือนแรกของการหย่าร้าง) หรือหญิงสามีตาย ซึ่งต้องรอจนครบสี่เดือนกับสิบวันเสียก่อน จึงจะสู่ขอได้ รวมทั้งหญิงที่มีคนอื่นมาสู่ขอและยังไม่ทราบว่าจะให้คำตอบอย่างไร เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแล้ว ก็ต้องหาวันแต่งงานตามสะดวก
พิธีแต่งงานของชาวมุสลิมนั้นจะเรียบง่าย เพราะชาวมุสลิมถือว่าการแต่งงานที่ดีที่สุด ก็คือการแต่งงานที่เสียค่าใช้จ่ายและวุ่นวายน้อยที่สุด ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวจะต้องยกของหมั้นหรือมะฮัรมาที่บ้านเจ้าสาว ซึ่งประกอบด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการสร้าง ครอบครัว และเงินซึ่งถือเป็นสิทธิที่ฝ่ายหญิงจะได้รับ ถ้าหากชาวคริสต์มีการทำพิธีต่อหน้าบาทหลวง ชาวมุสลิมก็มีการทำพิธีอะกัด-นิกาฮฺต่อหน้าสักขีพยาน จะเป็นชายสองคน
หรือชายหนึ่งหญิงสองก็ได้ โดยตัวแทนชายของฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้พูดแทนเจ้าสาวว่า "ฉันนิกาฮฺท่านกับลูกสาวฉันชื่อ...ด้วยของมะฮัรที่ตกลงกันไว้"
และเจ้าบ่าวจะต้องตอบว่า
"ฉันรับการนิกาฮฺลูกสาวท่านด้วยมะฮัรตามที่ตกลงกันไว้"
หลังจากนั้น สักขีพยานจะมีการอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน (บทที่ว่าด้วยการครองเรือน) ให้บ่าวสาวฟัง ตามด้วยการเลี้ยงน้ำนมให้กับ บรรดาแขก ที่มาร่วมงาน จะเป็นนมวัว หรือนมอะไรก็ได้ นมนี้เรียกว่านมนิกาฮฺ เสร็จแล้วจะมีงานเลี้ยงฉลองหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ฐานะของบ่าวสาว ก็เป็นเสร็จสิ้นพิธีอะกัด-นิกาhttp://www.youtube.com/watch?v=apN1Jf4Z0TY&feature=related
